นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ผู้นำฮังการี กล่าวถึงร่างมาตรการชุดใหม่ของสหภาพยุโรป ( อียู ) ต่อรัสเซีย ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะนับเป็นชุดที่ 6 และจะรวมถึงการยุตินำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ภายในระยะเวลา 6 เดือน หรือภายในช่วงสิ้นปีนี้ ว่าเปรียบเสมือน “การทิ้งระเบิดปรมาณู” ใส่เศรษฐกิจของฮังการี และรัฐบาลพร้อมเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงใหม่ ที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของฮังการี

ออร์บานกล่าวต่อไปว่า การกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเพียง 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่งนั้น “ไม่เพียงพอ” หากต้องไปถึงจุดนั้นจริง ฮังการีต้องการเวลาประมาณ 5 ปี เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เนื่องจากหากต้องยุติใช้น้ำมันของรัสเซีย “เป็นการถาวรจริง” ฮังการีต้องรื้อโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และการวางแผนด้านโลจิสติกส์ใหม่ เพื่อรับการเทียบท่าของน้ำมันที่ต้นทางไม่ได้มาจากรัสเซีย ปัจจุบัน สัดส่วนการใช้น้ำมันจากรัสเซียของฮังการี อยู่ที่ประมาณ 65%

ทรรศนะดังกล่าวของผู้นำฮังการีเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู เสนอร่างแผนการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ที่นอกเหนือจากการพุ่งเป้าไปที่น้ำมัน อีซียังเสนอยังเสนอให้มีการเพิ่มคว่ำบาตรธนาคารสเบอร์แบงก์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ด้วยการตัดออกจากระบบธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ “สวิฟต์” และการห้ามการออกอากาศของสื่อรัสเซียทุกแห่ง ในทุกช่องทางของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ภาพ การกระจายเสียง หรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์

อย่างไรก็ตาม การเสนอดังกล่าวของประธานอีซีต้องได้รับเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ จากที่ประชุมสุดยอดสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ และมีนอกจากฮังการี ยังมีประเทศในแถบยุโรปตะวันออกอีกหลายแห่งให้ความเห็นว่า ไม่สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรชุดนี้เช่นกัน และบางประเทศขอให้มีการชะลอระยะเวลาบังคับใช้มาตรการที่ว่านี้ออกไปก่อน